Feeds:
Posts
Comments

Archive for the ‘ความเมตตาของอัลลอฮฺ’ Category

☀☀เมื่อดุอาอฺถูกตอบรับ☀☀

จากส่วนหนึ่งของคลิป how to get your dua accepted by Theprophetspath แปลเรียบเรียงโดย Bint Al Islam

ชายชาวอียิปต์คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอัลมาดีนะฮฺ อัลมุนาวะเราะฮฺ เขาได้รับโอกาสในการทำฮัจญ์เป็นระยะเวลา 20 ปีติดต่อกัน ทุกๆ ปี 

เมื่อไม่นานมานี้เขาถูกสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ตั้งคำถามกับเขาว่า “คุณทำงานเป็นคนทำความสะอาดและมีฐานะยากจน คุณคิดว่าอะไรคือเหตุผลที่อัลลอฮฺทรงเรียกคุณกลับไปยังบ้านของพระองค์อย่างต่อเนื่องเช่นนี้?”

เขาตอบว่า “มันคือการอำนวยพรของพระองค์โดยแท้ และผมเองก็ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าอะไรหรือเหตุผลที่แท้จริง

แต่ผมจำเหตุการณ์ครั้งหนึ่งได้เป็นอย่างดี มันเกิดขึ้นในการทำฮัจญ์ครั้งแรกของผม ซึ่งครั้งนั้นผมใช้เงินเก็บทั้งหมดที่ผมมีเพื่อฮัจญ์ครั้งนั้น และผมก็ได้ออกเดินทางครั้งใหญ่ 

ขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่บนรถโดยสารเพื่อเดินทางไปยังมักกะฮฺ ผมเห็นหญิงชราคนหนึ่ง เธออายุมากและมีรูปร่างที่ใหญ่ เธอใช้ไม้เท้าเดินด้วยความยากลำบาก และเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเจ็บปวดมาก ผมจึงถามตัวผมเองว่า “ผมเป็นคนประเภทใดกัน ในเมื่อผมยังหนุ่มแน่นและนั่งอยู่บนรถโดยสาร แต่เธอกลับต้องเดินไปมักกะฮฺตลอดทาง?” ดังนั้นขณะที่รถติด ผมจึงลงจากรถโดยสาร และเดินไปหาเธอและบอกเธอว่า “คุณแม่ครับ ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ได้โปรดขึ้นไปนั่งบนรถแทนผมด้วยเถอะครับ แล้วผมจะเดินแทนคุณแม่เอง” ทันใดนั้นสตรีชราก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกล่าวขอบคุณอัลลอฮฺที่ทรงส่งคนมาช่วยเธอและเสนอที่นั่งของเขาบนรถโดยสารให้กับเธอ โดยที่เธอไม่ต้องเดิน และขณะที่เธอเดินขึ้นรถไป เธอได้หันหน้ามาหาผมและพูดว่า

“โอ้ ลูกชายเอ๋ย ฉันขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺ ขอพระองค์โปรดอย่าได้ยับยั้งเธอจากการทำฮัจญ์อีกครั้ง” 

จากนั้นชายคนอียิปต์ก็พูด (กับผู้สัมภาษณ์) ว่า “อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง แต่ผมก็เชื่อว่าดุอาอฺของเธอคือเหตุผลที่ทุกๆ ปี อัลลอฮฺทรงส่งคนมาเคาะที่ประตูห้องของผม และพวกเขาก็ขอความช่วยเหลือจากผมในการไปทำฮัจญ์ หรือไม่ก็ขอให้ผมเดินทางไปทำฮัจญ์เป็นเพื่อน หรือบางครั้งพวกเขาก็บอกผมว่าต้องการให้ผมไปทำฮัจญ์โดยที่จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ฟรีๆ  นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกๆ ปี เป็นระยะเวลา 20 ปีติดต่อกัน”

พี่น้องที่รัก ดังนั้น เวลาที่เราวิงวอนขอจากอัลลอฮฺ เราจำต้องตระหนักเสมอว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่พระองค์

รูป อินเตอร์เนต

Read Full Post »

🔑🔑🔓ทางออกของทุกปัญหา🔓🔑🔑

จากคลิป A solution to all your problems by iLovUAllah แปลเรียบเรียงโดย Bint Al Islam  

นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวไว้ในหะดีษของท่าน ซึ่ง รายงานโดยท่านอนัส (เราะฎิยัลลลอฮุ อันฮุ) เป็นหะดีษที่มีความงดงามยิ่ง หากเพียงแค่พวกเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน 

สิ่งที่นบีกล่าวไว้ในหะดีษบทนี้จะช่วยแก้ปัญหาทุกๆ ปัญหาของเราได้ 

ท่านนบีกล่าวไว้ว่า ■■ผู้ใดก็ตามที่กังวลเกี่ยวกับอาคิเราะฮฺของเขา อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขามีความร่ำรวยในหัวใจ และจะทรงรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่กระจัดกระจายให้แก่เขา และดุนยาก็จะวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างพรั่งพรู■■

🔑“ผู้ใดก็ตามที่กังวัลเกี่ยวกับอาคิเราะฮฺของเขา”🔑 ความกังวลใจนี้ถือเป็นความกังวลใจที่ดี เพราะการเป็นห่วงกังวลต่ออาคิเราะฮฺนั้น หมายถึงการเป็นกังวลต่อช่วงเวลาที่คุณจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล

🔑“อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขามีความร่ำรวยในจิตใจของเขา”

🔑ความร่ำรวยในจิตใจคืออะไร? 

🔓ความร่ำรวยของกระเป๋าคือ “เงิน” 

🔓ส่วนความร่ำรวยของจิตใจคือ “ความสุขและความพึงพอใจ” 

🔓เพราะเงินทองในดุนยานี้จะไม่มีทางทำให้หัวใจของคุณร่ำรวยได้ 

🔑และผู้ใดก็ตามที่กังวลเกี่ยวกับอาคิเราะหฺ🔑 ซึ่งหมายถึงผู้ศรัทธาที่เป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ  อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขามีความร่ำรวยในจิตใจ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะอัลลอฮฺจะทรงรวบรวมการงานทั้งหมดของเขาไว้ให้อยู่ภายใต้การดูแลของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว ชีวิตทางสังคม  ทุกๆ กิจการงานของคุณจะอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณเอง คุณจะมีความสามารถในการควบคุม จัดการเรื่องราวทั้งหมดนั้นได้ โดยที่การงานเหล่านั้น ปัญหาเหล่านั้นจะไม่สามารถควบคุมชีวิตคุณได้ 

👋👋👋👋อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมทุกๆ การงานในโลกดุนยานี้ของคุณ และอัลลอฮฺจะวางมันไว้ที่มือของคุณ คุณจะเป็นผู้ควบคุมมัน คุณจะอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น👋👋👋👋

และไม่ใช่เพียงแค่นั้น นบียังกล่าวด้วยว่า 🔑และดุนยาและทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในดุนยานี้จะวิ่งเข้ามาหาเขา🔑 ดังนั้น หากความกังวลใจของคุณ คืออาคิเราะฮฺ  ดุนยาจะวิ่งเข้าหาคุณเอง

หากคุณอยู่ในดุนยานี้เพื่อให้ดุนยารับใช้คุณ อัลลอฮฺก็จะทรงทำให้คุณเป็นเจ้านายแห่งดุนยา และอัลลอฮฺจะทรงทำให้คุณเป็นบ่าวแห่งอาคิเราะ

ผู้ใดก็ตามที่มีความกังวลต่ออาคิเราะฮฺ และความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ อัลลอฮจะทรงประทานความร่ำรวยให้แก่หัวใจของเขา และอัลลอฮฺจะทรงรวบรวมทุกๆ เรื่องราว ทุกๆ ปัญหาของเขาให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขาและอัลลอฮฺจะทรงทำให้ดุนยาวิ่งเข้าหาเขา

แต่ในทางกลับกัน  🔑ผู้ใดก็ตามที่กังวลต่อดุนยาของเขา🔑

🔓ความกังวลใจของเขาคือเรื่องราวแห่งดุนยา

🔓ความเครียดของเขาก็คือเรื่องราวแห่งดุนยา 

นบีมุหัมมัดกล่าวว่า ■■ผู้ใดก็ตามที่กังวลเกี่ยวกับดุนยาของเขา อัลลอฮฺจะทรงทำให้เกิดความยากจนปรากฎขึ้นระหว่างดวงตาทั้งสองข้างของเขา และในหัวใจของเขา และจะทรงทำให้กิจการต่างๆ ของเขากระจัดกระจาย■■ หมายความว่า หากว่าเขามีแต่ความกังวลแต่เรื่องของดุนยา พระองค์จะทรงทำให้เขามีแต่ความแร้นแค้น ยากจน แม้ว่าเขาจะมีเงินมากมายในดุนยานี้

คุณเคยเห็นไหม คนบางคนที่ร่ำรวยมากๆ แต่พวกเขากลับเป็นเยี่ยงทาสรับใช้ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้นับเงินของตัวเอง พวกเขาร่ำรวยมาก แต่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเห็นหน้าลูกๆ ของตัวเอง พวกเขาร่ำรวยมาก แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พวกเขาร่ำรวยมาก แต่ไม่มีโอกาสที่จะนั่งลงและพักผ่อน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่ยากจน และพวกเขาไม่เคยมีความสุขเลย ไม่เคยมีความสุขเลยจริงๆ พวกเขาไม่เคยที่จะมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติในแบบที่คนยากจนได้ลิ้มลอง ซึ่งนั่นคือ การได้พักผ่อน และความสบายใจ 

พวกคุณคิดว่าพวกเขารวย มีทรัพย์สินมากมาย มีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

แน่นอนภายนอกเขาดูร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมาย พวกเขามีเงินทองมหาศาล แต่ทว่าพวกเขากลับไม่พบกับความสบายใจ พวกเขาไม่รู้สึกผ่อนคลาย พวกเขาไม่มีความสุข เพราะอะไร? 

เพราะดุนยาคือความเครียด ความกังวลใจของเขา

อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขายากจนในดวงตาของเขา อัลลอฮฺประทานความยากจนให้ในระหว่างดวงตาทั้งสองข้างของเขา ถืงแม้ว่าเขาจะมีเงินมากมายแห่งดุนยา แต่พวกเขาก็จะยังคงเป็นผู้ที่ยากจนอยู่ดี แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากมาย แต่พวกเขายังคงมีแต่ความเครียดอยู่ดี

■■ผู้ใดก็ตามที่ให้อาคิเราะฮฺเป็นสิ่งที่สำคัญ (เป็นความห่วงกังวล) สำหรับเขา อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมการงานทั้งหมดของเขาไว้ให้ และจะทรงทำให้เขามีความร่ำรวยในหัวใจ และดุนยาจะวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างพรั่งพรูแม้ว่ามันจะไม่เต็มใจก็ตาม และผู้ใดก็ตามที่ให้ดุนยาเป็นสิ่งสำคัญ (เป็นความห่วงกังวล) สำหรับเขา อัลลอฮฺจะทรงทำให้เกิดความยากจนปรากฎขึ้นระหว่างดวงตาทั้งสองข้างของเขา และในหัวใจของเขา อัลลอฮฺจะทรงทำให้กิจการต่างๆ ของเขากระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ และจะไม่มีสิ่งใดในดุนยาเข้ามาหาเขายกเว้นเท่าที่ถูกกำหนดไว้ให้แก่เขาเท่านั้น■■ (อัตติรฺมิซียฺ จัดระดับความน่าเชื่อถือของหะดีษโดยอัลอัลบานียฺ)

Read Full Post »

➡➡คุณเป็นทุกข์ เพราะอัลลอฮฺกำลังทรงขุ่นเคืองคุณอยู่หรือไม่⬅⬅

แปลบางส่วนจากคลิป Don’t be sad : Allah knows by Islam guidance โดย บินติ อัลอิสลาม
เมื่อคุณทำให้อัลลอฮฺพึงพอพระทัย พระองค์ก็จะทรงทำให้คุณมีความสุข

💧หากทว่าคุณกลับต้องการทำบาป ทั้งกลางวันและกลางคืน และในขณะเดียวกันคุณก็อยากจะเป็นผู้ที่มีความสุข คุณอยากให้อัลลอฮฺพึงพอพระทัยในตัวคุณ แบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก 

💧คุณต้องการฝ่าฝืนพระองค์ แล้วคุณก็หวังว่าอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนด้วยการมอบความสุขให้กับคุณเช่นนั้นหรือ

💧คุณต้องการข้องเกี่ยวกับสิ่งที่หะรอม และคุณต้องการได้รับความสุขจากพระองค์เช่นนั้นหรือ 

🔽🔽มันเป็นไปไม่ได้หรอก🔽🔽

และด้วยเหตุนี้เองพี่น้องมุสลิมทั้งหลาย เมื่อคุณประสบทุกข์ และความโศกเศร้า คุณจำต้องถามตัวคุณเองด้วยคำถามหนึ่งก่อน

ก่อนที่คุณจะเข้าไปตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคารของคุณว่าคุณมีเงินเท่าไรในนั้น ก่อนที่คุณจะทำนัดกับนักจิตวิทยา หรือแพทย์ ก่อนที่คุณจะนั่งลงและพูดคุย บอกเล่ากับคนนั้น คนนี้ 

👉👉ถามตัวเองก่อนว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอัลลอฮฺเป็นเช่นไร?” 👈👈

เพราะด้วยสถานะความสัมพันธ์นั้นเอง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ ด้วยเพราะลิ้นของคุณนั่นเอง ที่แห้งผาก เพราะคุณไม่ได้กล่าวรำลึกถึงพระองค์ คุณจึงเป็นทุกข์ โศกเศร้า

วัลลอฮิ เมื่อใดที่คุณรำลึกถึงพระองค์ เรียกหาพระองค์ ละหมาดวิงวอนขอจากพระองค์ คุณก็จะได้ลิ้มรสชาติแห่งความสุขในหัวใจคุณ

เพราะแท้จริงแล้ว ความมืดมนในหัวใจนั้นเองที่นำมาซึ่งความทุกข์

และแสงสว่างคือสิ่งที่นำมาซึ่งความสุข ความสงบ ความสันติ

แน่นอนว่า มันย่อมมีช่วงเวลาที่คุณอาจจะรู้สึกเครียด ไม่สบายใจ แต่หนทางเดียวที่นำพาคุณไปสู่ความสุข และบรรเทาความเครียด ความไม่สบายใจของคุณได้ คือการทำให้อัลลอฮฺพึงพอพระทัย กลับเข้าหาพระองค์และพระองค์จะทรงเข้าหาคุณ อยู่กับพระองค์และพระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างคุณ ทำความดี ทำในสิ่งที่ดี และอัลลอฮฺจะทรงประทานความสุขแก่คุณ

มอบหมายต่ออัลลอฮฺ เชื่อมั่นในพระองค์ และอัลลอฮฺจะทรงให้คุณในทุกๆ สิ่ง และคุณจะมีในทุกๆ สิ่ง

➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡➡

Read Full Post »

คุณกำลังเศร้าใจอยู่หรือไม่ (หัวข้อ Feeling sad?)
ถอดความและเรียบเรียง
จากบรรยายของมุฟตี อิสมาอีล เมงกฺ โดย บินติ อัลอิสลาม
คัดลอกคำแปลอัลกุรอานจาก http://daasee.com/

เพราะเราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงเปีนเรื่องปกติที่บางครั้งเราอาจจะมีความสุขอย่างล้นเหลือ และบางครั้งเราก็อาจมีความทุกข์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อไรที่เรารู้สึกมีความสุข เราควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อะไร หรือสิ่งใด ที่เป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งความสุขแก่เรา”

หากว่ามันเป็นเพราะ “ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับอัลลอฮฺ” ที่ทำให้เรามีความสุข นั่นหมายความว่า ความสุขนั้นจะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ แต่หากว่ามันเป็นเพราะ “วัตถุ ปัจจัยแห่งโลกดุนยา” ที่ทำให้เรามีความสุข ขอให้เราตระหนักว่า “ความสุขนั้นเป็นความสุขเพียงชั่วคราว” และไม่วันใดวันหนึ่ง อัลลอฮฺย่อมทรงทดสอบเราด้วยการถอดถอนมันออกไป

อัลลอฮฺตรัสชัดแจ้งว่า “หากว่าคุณได้รับบางสิ่งบางอย่างในชีวิต ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้เลยว่า สิ่งที่คุณได้รับนั้นจะคงอยู่กับคุณตลอดไป”  ในซุเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อัลลอฮฺตรัสว่าพระองค์จะทรงทดสอบเราด้วยความกลัว ความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างในชีวิต ความหิวโหย

“และแน่นอน เราจะทดลองพวกเจ้าด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากความกลัวและความหิวและด้วยความสูญเสีย (อย่างใดอย่างหนึ่ง) จากทรัพย์ ชีวิต และพืชผล และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด” อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ ๑๕๕

—-ดังนั้นเวลาที่เราเกิดความรู้สึกโศกเศร้า เสียใจ เราควรทำเช่นไร—

ประการแรก ให้ถามตัวเองว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอัลลอฮฺ ผู้เป็นเจ้าของความสุขนั้นดีหรือไม่ แน่นแฟ้นหรือไม่ เป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่?”

ยกตัวอย่างเช่น  หากเราเป็นคนที่ไม่รักษาการละหมาด ไม่มีความสัมพันธ์กับอัลกุรอาน ไม่มีการสร้างความสัมพันธ์ใดๆ กับอัลลอฮฺเลย เช่นนั้น เราจะสามารถต่อสู้ เอาชนะกับความรู้สึกโศกเศร้าได้อย่างไร แน่นอนว่า เราย่อมต้องจมปลักอยู่กับความโศกเศร้าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยเพราะว่าเราขาดสติ หลุดจากความจริง จากเป้าหมาย จากสิ่งที่เป็นอยู่ แท้จริงแล้ว ชีวิตดุนยานั้นเป็นสิ่งชั่วคราว มันไม่คงอยู่ถาวร และเราอยู่บนโลกดุนยานี้เพื่อการต้องถูกทดสอบ

โลกดุนยานี้ คือดินแดนแห่งบททดสอบ เพราะไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการในทุกๆ อย่าง หากทว่าพวกเขาจะได้รับแต่ในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงเลือกไว้ให้พวกเขาแล้วเท่านั้น  บางคนอาจถูกทดสอบด้วยปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาครอบครัว และปัญหาอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงการสูญเสียประเภทต่างๆ อีกด้วย

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรามันอาจไม่เป็นไปเช่นที่เราปรารถนา นั่นเป็นเพราะว่า “มันคือบททดสอบ” ที่อัลลอฮฺทรงต้องการดูว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร พระองค์ทรงต้องการดูว่าบททดสอบนั้นจะทำให้เราเข้าหาพระองค์มากขึ้นหรือไม่ และตระหนักได้หรือไม่ว่า โลกดุนยานี้เป็นโลกแห่งความชั่วคราว

ดังนั้น เวลาที่เราเกิดความโศกเศร้า เสียใจ ทุกข์ใจ เราต้องถามตัวเองก่อนเลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับอัลลอฮฺนั้นเป็นเช่นไร? ซึ่งความสัมพันธ์ที่ว่านี้หมายถึงการละหมาด การรักษาการละหมาดทั้งห้าเวลาของเรา เราต้องตรวจสอบว่า เรามีความกระตือรือร้นในการที่จะละหมาดหรือไม่ เรามีความปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าพระองค์หรือไม่ เราตระหนักรู้หรือไม่ว่าเรากำลังพูด กำลังทำอะไรอยู่ขณะละหมาด รับรู้ว่าเรากำลังก้มศีรษะลงพื้นสูญูดให้ใคร .. ให้ผู้ทรงสร้างเรา ผู้ประทานความสุข ผู้ทรงควบคุมชีวิต ผู้ที่เราต้องกลับไปหาพระองค์ใช่หรือไม่  เพราะการใคร่ครวญ จะช่วยขจัดความโศกเศร้าของเราออกไปได้

การตระหนักรู้ได้เช่นนั้น จะทำให้เราคลายความกังวล เพราะเรารู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามแผนการของอัลลอฮฺ ไม่ใช่แผนการของใครอื่นใด ดังนั้น เมื่อเรารู้ว่าเป็นแผนการของพระองค์ เราก็ควรวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ให้พระองค์ทรงทำให้เราสามารถผ่านพ้นบททดสอบไปได้ด้วยความง่ายดาย

ในบททดสอบทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น แท้จริงอัลลอฮฺทรงต้องการให้เรานำความสามารถ พลัง ศักยภาพที่พระองค์ประทานให้แก่เราออกมาใช้เพื่อช่วยเหลือตัวเราเอง พร้อมด้วยการขอความช่วยเหลือจากพระองค์

เราอย่าปล่อยให้คำพูดของใครทำให้เราต้องเสียใจ เพราะแท้จริงไม่มีใครหรอก ที่จะเป็นที่รัก ที่ชื่นชอบของทุกคน แม้แต่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เอง ก็โดนตำหนิ ต่อว่า ด่าทอมากมาย ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ การเข้าหาอัลลอฮฺ ใกล้ชิดพระองค์ให้มากขึ้น อย่าปล่อยให้คนที่ละเมิดขอบเขตของอัลลอฮฺ คนที่มีความยโสทะนงตน คนที่ชอบปล่อยข่าวชั่วร้าย คนที่มีอุปนิสัยที่ไม่ดีทำให้คุณต้องเศร้าเสียใจ เป็นทุกข์

“บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ พึงทราบเถิด ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺเท่านั้นทำให้จิตใจสงบ” (อัรร็อด อายะฮฺที่ ๒๘)

เราจะรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างไร

  • ปรับปรุงคุณภาพการละหมาดของเรา
  • ใช้เวลาไปกับการอาบน้ำละหมาดอย่างดีที่สุด
  • ใช้เวลาไปกับการเข้าเฝ้าพระองค์อย่างดีที่สุด
  • ใคร่ครวญ ทำความเข้าใจถึงความหมายของสิ่งที่กำลังกล่าวขณะละหมาด
  • มุ่งความสนใจไปกับการทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์
  • บอกตัวเองว่า คุณกำลังสนทนากับผู้ทรงสร้างอยู่

“โอ้ มนุษย์เอ๋ย แท้จริง ข้อตักเตือน (อัลกุรอาน) จากพระเจ้าของพวกท่าน ได้มายังพวกท่านแล้ว และมันเป็นการบำบัดสิ่งที่มีอยู่ในทรวงอก และเป็นการชี้แนะทาง และเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา” (ยูนูส อายะฮฺที่ ๑)

หากคุณปรารถนาที่จะขจัดความทุกข์ออกไป ให้ตระหนักเสมอว่า อัลกุรอาน คือสิ่งที่ช่วยบำบัดเยียวยาความทุกข์ของคุณ

ใช้เวลา 5 นาทีในการอ่านอัลกุรอานทุกๆ เช้า พยายามอ่านออกเสียงให้ด้วยท่วงทำนอง และอัลกุรอานจะช่วยขจัดความทุกข์เศร้าของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

ไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะไม่มีปัญหาในชีวิต แต่มันขึ้นอยู่กับการรับมือ การจัดการกับปัญหาของแต่ละคนมากกว่า บางทีคุณอาจคิดว่าคุณมีปัญหาแสนสาหัส แต่ความเป็นจริง อาจเป็นไปได้ว่า คนที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณ มีปัญหาหนักมากยิ่งกว่าคุณหลายร้อยเท่า แต่คุณมองไม่เห็นมัน เพราะเขาเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอัลลอฮฺ เพราะพวกเขาตระหนักรู้ว่าโลกดุนยาคือสถานที่พักพิงชั่วคราว

ดังนั้น เมื่อคุณพัฒนาความสัมพันธ์กับอัลกุรอาน และพยายามอ่าน ทำความเข้าใจ พยายามนำมาปฏิบัติ และคุณก็พัฒนาความสัมพันธ์ของคุณกับอัลลอฮฺ และซิเกรฺ (รำลึกถึงพระองค์) ทำการละหมาดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว คุณย่อมสามารถที่จะตระหนักรู้ ซาบซึ้งในบุญคุณ และขอบคุณในสิ่งต่างๆ มากมายที่อัลลอฮฺทรงประทานแก่คุณโดยที่พระองค์ไม่ได้ประทานสิ่งเหล่านั้นแก่ใคร

เช่นในหะดีษบทหนึ่งที่ท่านนบีบอกไว้ว่า “จงมองดูคนที่มีสถานะที่ต่ำกว่าท่าน (ย่ำแย่กว่าท่าน) และจงอย่ามองดูคนที่มีสถานะที่สูงกว่าท่าน นั่นคือสิ่งที่จะช่วยปกป้องท่านจากการดูแคลนการอำนวยพรที่อัลลอฮฺทรงประทานแก่ท่าน”

เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้” มีผลกระทบต่อดุนยา หรือศาสนาของคุณหรือไม่

หากปัญหาที่ทำให้คุณโศกเศร้าเสียใจ มีผลกระทบต่อศาสนาของคุณ แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่คุณควรโศกเศร้าเสียใจ แต่หากว่าปัญหาของคุณ มีผลกระทบต่อดุนยา คุณควรเตือนตัวเองว่า “ชีวิตของเรานั้นเป็นความชั่วคราว ไม่มีอะไรคงทนถาวร วันเวลาจะผลัดเปลี่ยนไป”

ยกตัวอย่าง มีชายคนหนึ่ง พร่ำบ่นมากมายว่าน้ำที่บ้านของเขาไม่ร้อน ในขณะที่ยังมีอีกหลายๆ คนที่ไม่มีแม้แต่น้ำจะดื่ม หรือจะใช้ พวกเราหลายคนโศกเศร้ากับสิ่งที่เป็นความชั่วคราว

ในการทดสอบของอัลลอฮฺนั้น อัลลอฮจะทรงทดสอบเราตามสถานะของเรา นบีมุหัมมัดแจ้งไว้แล้วว่า อัลลอฮฺจะทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ตามปริมาณความรักที่พระองค์มีต่อเรา เมื่อพระองค์ทรงรักเรามากเท่าไร พระองค์ก็จะทรงทดสอบเรามากขึ้นเท่านั้น

เวลาที่คุณประสบปัญหา คุณก็จะเริ่มหาทางออก หาทางแก้ไข และผู้ศรัทธานั้นย่อมหาทางออกด้วยการเข้าหาอัลลอฮฺ และเมื่ออัลลอฮฺทรงต้องการให้คุณใกล้ชิดพระองค์ พระองค์จะทรงมอบปัญหาที่หนักแก่คุณ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่า หากว่าคุณไม่ได้เผชิญกับปัญหาหนักนี้ในชีวิตของคุณ อาจเป็นไปได้ว่าคุณจะไม่ให้ความใส่ใจต่อการละหมาด คุณอาจจะไม่เคยรำลึก นึกถึงหรือวิงวอนขอจากอัลลอฮฺก็เป็นได้

ดังนั้น ขอให้คุณนึกถึงบรรดาผู้คนที่มีน้อยกว่าคุณ เพื่อที่คุณจะได้ขอบคุณในสิ่งที่คุณมี และพึงตระหนักว่าปัญหาที่คุณเผชิญนั้นยังไม่หนักหนาเท่ากับพี่น้องที่กำลังโดนลูกระเบิดถล่มอยู่แทบทุกคืนวัน และเมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ให้กล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮฺ

อีกหนึ่งวิธีในการต่อสู้กับความโศกเศร้า คือการมองดูสิ่งต่างๆ ที่อัลลอฮฺทรงสร้าง ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ใบหญ้า ธรรมชาติสีเขียว สัตว์มากมาย อากาศอันบริสุทธิ์ แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง

“แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการที่กลางวันและกลางคืนตามหลังกันนั้น แน่นอนมีหลายสัญญาณสำหรับผู้มีปัญญา” (อาลิ อิมรอน อายะฮฺที่ ๑๙๐)

สัญญาณเหล่านี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึง ความเป็นหนึ่งเดียวของอัลลอฮฺ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ความใกล้ชิดที่คุณมีต่อพระองค์ สัญญาณดังกล่าวยังช่วยเยียวยาความทุกข์โศกของคุณ ธรรมชาติสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างช่วยบรรเทาความเครียด ความกังวลของคุณ

อย่าเศร้าใจไปเลย วันเวลาที่เรามีอยู่นั้นไม่คงอยู่กับเราถาวร มันเป็นเพียงแค่ความชั่วคราว

ช่วงเวลาที่คุณควรเสียใจมากที่สุด คือช่วงเวลาที่คุณห่างไกลจากพระองค์ และนี่คือสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครหลายคนมีความทุกข์ใจ ความโศกเศร้า เพราะพวกเขาใช้ชีวิตไปกับการปาร์ตี้ การพนัน การทำซินา การยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ยาเสพติด แน่นอนว่าหากคุณกำลังใช้ชีวิตแบบนั้น คุณย่อมต้องพบกับความโศกเศร้า เพราะคุณห่างไกลจากพระองค์ ดังนั้นหากคุณปรารถนาที่จะเอาชนะความเศร้า ความทุกข์ใจ คุณก็ควรเข้าหาพระองค์ พระองค์ทรงรอคอยการกลับไปของคุณอยู่ และพระองค์ก็ทรงปลื้มปิติเมื่อคุณกลับไปหาพระองค์

พึงรู้เถิดว่า หากว่าคุณทำให้อัลลอฮฺทรงพึงพอใจ พระองค์ก็จะทรงทำให้คุณพึงพอใจ และมีความสุขเช่นกัน 

และพึงรู้เถิดว่า “ความทุกข์ ความเศร้า ความเสียใจ” เป็นสิ่งที่คุณสามารถจัดการรับมือกับมันได้

อัลลอฮฺทรงปลอบประโลมนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัมว่า “จงอย่าเสียใจ” และนบีเองก็เคยปลอบใจท่านอบูบักร ในยามที่ท่านอบูบักรโศกเศร้าด้วยอายะฮฺนี้

“ท่านอย่าเสียใจ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่กับเรา” (อัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ ๔๐)

ดังนั้นคุณจะเศร้าเสียใจไปทำไม ในเมื่อคุณรู้ว่าอัลลอฮฺทรงอยู่กับคุณ และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำให้คุณเจ็บช้ำเพียงใด มันก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เว้นแต่ด้วยการอนุมัติของพระองค์ และท้ายที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้น มันย่อมดีกับคุณแน่นอน

ในหะดีษบทหนึ่ง ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “การงานทั้งหลายของผู้ศรัทธาช่างสวยงามยิ่ง เพราะทุกๆ การงานของเขาต่างเป็นสิ่งดีงามทั้งสิ้น และมันจะไม่เกิดขึ้นกับผู้ใด เว้นแต่ผู้ที่มีความศรัทธา หากมีสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นกับเขา เขาก็ขอบคุณและนั่นคือสิ่งที่ดีสำหรับเขา และหากว่ามีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับเขา เขาก็ยอมรับมันด้วยความอดทน และนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาด้วยเช่นกัน” (อะหมัด และมุสลิม)

เวลาที่คุณมีช่วงวันเวลาที่ดี คุณควรใกล้ชิดอัลลอฮฺ อย่ารอให้เกิดช่วงวันเวลาที่ไม่ดี คุณถึงจะเข้าหาพระองค์

“จงใกล้ชิดอัลลอฮฺในยามสุขสบาย และคุณจะพบว่าในยามที่คุณประสบกับความยากลำบาก พระองค์จะทรงอยู่กับคุณ และคุณจะผ่านพ้นความยากลำบากไปได้ด้วยดี”

เมื่อสิ่งที่ไม่ดีใดๆ ก็ตามประสบกับผู้ศรัทธา เขาก็อดทน เพราะเขารู้ว่าเขาจะได้รับรางวัลการตอบแทนจากอัลลอฮฺ และมันเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าสำหรับเขา นี่คือเหตุผลว่าทำไมการงานทั้งหลายของเขาจึงสวยงาม

ความดีใดๆ เกิดขึ้นกับเขา เขาก็ขอบคุณ ความเลวร้ายใดๆ เกิดขึ้นกับเขา เขาก็ขอบคุณ อดทน ไม่โกรธเคืองอัลลอฮฺ เขายังคงยิ้มและระลึกถึงอัลลอฮฺเสมอ การกระทำเช่นนี้ย่อมช่วยบรรเทาความทุกข์ ความเสียใจของเขาได้ “ผู้ศรัทธา” ย่อมเรียนรู้ที่จะหาทางใกล้ชิดกับพระองค์ให้มากขึ้น

พึงรู้เถอะว่า.. ความทุกข์โศกที่ชั่วนิรันดร์ คือ การที่คนคนหนึ่งตกลงไปในไฟนรก

พึงรู้เถอะว่า.. ความสุขชั่วนิรันดร์ คือ การที่เขาได้รับสมุดบันทึก (บัญชี) ของเขาด้วยมือขวาในวันแห่งการตัดสิน และสวนสวรรค์คือที่พักพิงของเขา ถึงเวลานั้น มันหมายความว่า “เขาผู้นั้น” คือผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว

790bd3d18eb757063db17f3c00931301

รูปจาก การค้นหาทางอินเตอร์เนต 

Read Full Post »

​หากมีใครสักคนทำดีกับคุณ อิสลามสอนให้คุณต้องทำดีต่อพวกเขาเป็นการตอบแทน อย่างไรก็ตาม หากว่าคุณทำดีกับใครสักคน อิสลามสอนให้คุณไม่ต้องรอคอยการตอบแทนใดๆ หรือคาดหวังจะได้รับสิ่งใดๆ ตอบกลับมาในรูปแบบที่คุณต้องการจากพวกเขา

ในกรณีที่มีคนทำดีต่อคุณ คุณสามารถตอบแทนพวกเขาด้วยการทำดี แสดงความเมตตา ขอบคุณ หรือดุอาอฺให้พวกเขา ส่วนในกรณีที่คุณทำดีต่อผู้อื่น คุณควรคาดหวังการตอบแทนจากอัลลอฮฺเท่านั้น

และหากว่ามีถ้อยคำดีๆ ใดๆ ถูกกล่าวมาถึงคุณอันเนื่องมาจากความดีที่คุณทำ ก็ให้กล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอบคุณอัลลอฮฺ

แต่สิ่งที่ยากก็คือ เมื่อเราทำความดีโดยหวังการตอบแทนจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำดีๆ จากพวกเขาก็ตาม หากว่าสิ่งที่เราคาดหวังไม่เกิดขึ้น เราก็จะเกิดความไม่พอใจ โดยลืมไปว่า สิ่งดีๆ ที่เราทำนั้นควรเป็นไปเพื่อความพึงพอพระทัยขออัลลอฮฺ ดังนั้นเราอย่าได้ขุ่นเคืองใจไป

ปัจจุบันนี้ สิ่งที่เรามักจะประสบพบเจอคือ หากเราทำดีกับใคร เมื่อเวลาผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่ง เราสามารถคาดเดาได้เลยว่า สิ่งที่ไม่ดีในหลายรูปแบบจากคนเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับเรา เว้นแต่คนที่อัลลอฮฺทรงประทานความเมตตา ไม่ให้สิ่งไม่ดีนั้นเกิดกับเขา

คุณอาจจะทำแต่สิ่งดีดี ให้แต่สิ่งดีดี ช่วยเหลือพวกเขาอย่างสุดความสามารถ อย่างไรก็ตามด้วยแผนการของอัลลอฮฺ บางครั้ง ในวันข้างหน้า พวกเขาเหล่านั้นที่คุณทำดีด้วยจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณ นินทาใส่ร้ายคุณ หรือหากมีใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณ พวกเขาก็จะไม่แสดงการปกป้องคุณ พวกเขาอาจจะทำร้ายคุณด้วยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่า อัลลอฮฺทรงต้องการให้คุณตระหนักว่า “สิ่งดีดีที่คุณทำให้พวกเขานั้น เพราะคุณต้องการการตอบแทนและความพอใจจากพวกเขา หรือจากพระองค์? หากคุณทำเพื่อพวกเขา อัลลอฮฺนั้นทรงเพียงต้องการให้คุณรู้ว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์คือผู้ที่ไม่รู้จักการขอบคุณ แต่หากว่าคุณทำเพื่ออัลลอฮฺ ไม่ว่าพวกเขาจะทำไม่ดีกับคุณอย่างไรก็ตาม การงานที่ดีของคุณย่อมได้รับการตอบรับจากพระองค์แน่นอน พร้อมด้วยการตอบแทนที่ครบถ้วน”

เรียบเรียงบางส่วนจากบรรยายของมุฟตี อิสมาอีล เมงก์  หัวข้อ Lesson on Surah Insaan/โดย บินติ อัล อิสลาม


Read Full Post »

เพิ่มพูนริสกี ด้วยการบริจาค
@@@@@@@@@@@@
ในซูเราะอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะที่ 261 อัลลอฮฺตรัสว่า “อุปมาบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในหนทางของอัลลอฮฺนั้น ดังอุปมัยเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่งอกขึ้นเป็นเจ็ดรวง ซึ่งในแต่ละรวงนั้นมีร้อยเมล็ด และอัลลอฮฺนั้นจะทรงเพิ่มพูนแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้” (คัดลอกจากโปรแกรมอัลกุรอานแปลไทย)

ทรัพย์สินของคุณจะไม่ลดน้อยลง เมื่อคุณทำการบริจาคไปในหนทางของอัลลอฮฺ ไม่มีใครต้องยากจน อันเนื่องมาจากการบริจาค พวกเขาต่างได้รับการตอบแทนคืนกลับมา พวกเขาต่างประสบความสำเร็จ โดยที่ทรัพย์สิน และริสกีของพวกเขาเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ “พวกเขาได้รับการอำนวยพรจากอัลลอฮฺมากมาย ทรัพย์สินของพวกเขามีบะเราะกัต” หมายความว่า “ทรัพย์สิน หรือปัจจัยยังชีพที่เขามี แม้ว่ามันจะมีจำนวนไม่มาก แต่มันจะคงอยู่กับเขาได้นาน ด้วยเพราะว่ามันมีบะเราะกัต อันเนื่องมาจากการบริจาคของเขา ในขณะที่ทรัพย์สินของบางคนอาจจะมีมากมายแต่มันอยู่กับเขาได้ไม่นาน เพราะมันไม่มีบะเรากัต”

เมื่อเราทำให้ทรัพย์สินของเราสะอาดบริสุทธ์ ด้วยการบริจาค หัวใจของเราก็จะบริสุทธ์ไปด้วย โดยที่มันจะไม่ยึดติดกับวัตถุทางโลก ปัญหามากมายที่เราต่างเผชิญบนโลกใบนี้ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการยึดติดกับวัตถุ ดังนั้นเมื่อเราใช้จ่ายทรัพย์สินที่มีไปในหนทางที่ถูกต้อง หัวใจเราก็จะดีไปด้วย

แน่นอนว่าพวกเราส่วนมากต่างก็รักการมีเงิน การมีทรัพย์สิน แต่ผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของเขาไปในหนทางที่ถูกต้องดีงาม บุคคลนั้นคือคนร่ำรวยที่แท้จริง

ปัจจุบันนี้มีหลายคนเต็มใจที่จะฝากเงินของเขาไว้กับธนาคาร เพื่อที่พวกเขาจะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทน ซึ่งเป็นหนทางที่หะรอม หนทางที่อัลลอฮฺทรงสังห้าม แน่นอนว่าเขาอาจจะได้รับดอกเบี้ย 6% 10% 20%  และมันอาจดูเหมือนว่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มพูนขึ้นมามากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้นขอให้เราปกป้องตัวเราให้พ้นจากสิ่งที่หะรอม เพราะอัลลอฮฺจะมิทรงปล่อยให้คุณประสบความสำเร็จด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม คุณจำต้องขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ และใช้จ่ายทรัพย์สินที่คุณมีไปในหนทางของพระองค์ เพราะอัลลอฮฺทรงแจ้งว่า หากเราลงทุนกับพระองค์ เราจะได้เห็นผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับมา พระองค์ทรงแจ้งไว้แล้วว่า เราจะได้รับการตอบแทนเป็น 700 เท่าจากการบริจาค ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีมาก หรือน้อย ก็ขอให้คุณทำการบริจาคตามความสามารถ บางที “บะเราะกัตที่คุณจะได้รับจากการบริจาค” นั้น จะส่งผลให้คุณได้รับการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ไม่ด้วยหนทางใดก็หนทางหนึ่ง ซึ่งหมายรวมถึงทรัพย์สินของคุณ สุขภาพของคุณ ลูกๆ ของคุณหรือชีวิตการแต่งงานของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลมาจากการใช้จ่ายทรัพย์สินของคุณทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺได้ทรงเตือนเราด้วยว่า “ให้เราปกป้องตัวเราจากการทำลายรางวัลการตอบแทนจากการบริจาค ด้วยการล้ำเลิกบุญคุณ” เราไม่ควรล้ำเลิกบุญคุณ หรือพูดย้ำบ่อยๆ ถึงสิ่งที่เราได้ให้ใครคนหนึ่่่งไปกับเขา หรือบอกให้คนทั่วไปรับรู้ว่าเราให้อะไรใครไปบ้าง

อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนให้คุณอย่างครบถ้วน หากว่าคุณบริจาคในหนทางของพระองค์ และคุณมีความถ่อมตนภายหลังการบริจาค โดยที่คุณไม่ล้ำเลิกบุญคุณ หรือป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ และไม่ทำร้ายคนอื่น

อัลลอฮฺจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือผู้ศรัทธา ตราบเท่าที่เขาให้ความช่วยเหลือผู้ศรัทธาคนอื่น หากคุณให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อัลลอฮฺก็จะทรงช่วยเหลือคุณ หรือหากคุณให้ความช่วยเหลือสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง อัลลอฮฺก็จะทรงช่วยเหลือคุณเช่นกัน เช่นสตรีนางหนึ่งให้ความช่วยเหลือสัตว์ จนทำให้นางพ้นจากไฟนรก

อีกทั้งอัลลอฮฺยังทรงแจ้งไว้ด้วยว่า สำหรับผู้ที่ทำการบริจาค และไม่ล้ำเลิกบุญคุณ พวกเขาจะไม่มีความหวาดกลัว และไม่มีซึ่งความโศกเศร้า อัลลอฮฺจะทรงปกป้องเขาจากความโศกเศร้า อันเนื่องมาจากการบริจาค

“บรรดาผู้บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในทางของอัลลอฮฺ แล้วพวกเขามิให้ติดตามสิ่งที่พวกเขาบริจาคไป ซึ่งการล้ำเลิกและการก่อความเดือดร้อนใดๆ นั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความกลัวใดๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ” {อัลบะเกาะเราะฮฺ 262}

มีหลายคนต้องประสบกับความทุกข์ทรมาน อยู่ในภาวะซึมเศร้า ความเครียด ความกดดัน นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่รักการบริจาค

คุณรู้ไหมว่า “การบริจาคของคุณ” จะเป็นสิ่งที่ช่วยคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ จิตใจ ทรัพย์สิน สถานะของคุณ ลูกๆ ของคุณ ในทุกๆ ด้านของการใช้ชีวิตของคุณ และแม้แต่โลกอาคิเราะห์ของคุณ

ดังนั้น คุณควรฝึกให้ตัวคุณเป็นผู้ที่รักการบริจาค และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ

แปลเรียบเรียงบางส่วนจาก บรรยายมุฟตี อิสมาอีล เมงกฺ หัวข้อ Save yourself series-4/ โดย bint Al Islam

Read Full Post »

อดทน ขอให้คุณมีความอดทน อัลลอฮ์ทรงรู้ดีว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงทำให้คุณยังคงต้องเผชิญอยู่กับสถานการณ์บางอย่างอยู่ พระองค์ไม่ได้กำหนดสิ่งใดผิดพลาดหรือลืมเราแต่อย่างใด

บางคนพอเจ็บป่วยก็พร่ำบ่นว่า “ตอนนี้ฉันป่วยมากเลย ฉันคิดว่าอัลลอฮ์ทรงลืมฉันแล้ว”

ความตะวักกุลของคุณอยู่ที่ไหน ความไว้วางใจของคุณที่มีต่ออัลลอฮฺอยู่ที่ไหน ชีวิตของเรามันแสนสั้นนัก

อัลลอฮฺมิได้ทรงลืมคุณ อัลลอฮ์ทรงรู้ว่าพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด ขอให้คุณอดทนฝ่าฟันต่อไป มันอาจใช้ระยะเวลา 1 ปี 5 ปี ขออย่ากังวล อีกไม่นานประตูที่ปิดตายจะถูกเปิดเพื่อให้ทางออกแก่เรา

เรียบเรียงบางส่วนจากบรรยายของมุฟตี เมงก์
Jumping the gun

Read Full Post »

ในสมัยราชวงศ์อับบาสสิยะฮ์
มีสตรีท่านหนึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่า สุบัยดะฮฺ หรือ อุมมุ ญะฟัรฺ ซึ่งผู้คนต่างรู้กันดีว่าเธอเป็นคนจิตใจกว้างขวางและมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้เองจึงมีชายตาบอดสองคนไปหาเธอ ที่บริเวณถนนที่เธออาศัยอยู่

หนึ่งในชายสองคนนั้นกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันวิงวอนขอจากท่านด้วยความบริสุทธิ์ของอัลลอฮฺ”
ส่วนชายอีกคนกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันวิงวอนขอจากท่านด้วยความบริสุทธิ์ของอุมมุ ญะฟัรฺ”

หลังจากนั้นเธอจึงได้ให้เงินจำนวน 2 ดิรฮัมกับคนที่ขอจากเธอด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ส่วนคนที่ขอเธอด้วยนามของเธอ เธอให้ไก่ย่างแก่เขาพร้อมกับสอดเงิน 10 ดิรนารเข้าไปในตัวไก่ด้วย

ดังนั้นคนที่ขอด้วยพระนามของอัลลอฮฺจึงได้น้อยกว่า
และคนที่ขอด้วยนามของอุมมุ ญะฟัรฺได้มากกว่า

ซึ่งอุมมุ ญะฟัรฺได้ทำการบริจาคให้กับชายทั้งสองคนนี้เป็นเวลา 10 วัน

วันหนึ่งอุมมุ ญะฟัรฺได้เข้าไปถามชายที่ได้ทั้งไก่และเงิน 10 ดิรนารว่า “นี่ท่านไม่ได้มีทรัพย์สินมากขึ้นหรอกหรือ”

เขาตอบเธอว่า “ไม่ครับ พอผมได้ไก่จากท่านมา ผมก็เอาไก่ตัวนั้นไปขายให้กับเพื่อนอีกคนของผมตัวละ 2 ดิรฮัม ทุกวันเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อุมมุ ญะฟัรฺก็พูดขึ้นมาว่า “ซุบฮานั้ลลอฮฺ คนที่ขอจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่เขา ส่วนคนที่ขอจากผู้อื่น อัลลอฮฺทรงปิดหนทางแห่งการได้รับจากเขา”

คุณรู้แล้วใช่ไหมว่า ริสกีอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์

ดังนั้นขอให้คุณวิงวอนขอจากอัลลอฮฺต่อไป
ขอให้คุณวิงวอนขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺต่อไป
ไม่มีปัญหาใดที่จะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะแก้ไขได้สำหรับพระองค์

และหากว่าอัลลอฮฺยังคงทำให้คุณต้องเผชิญอยู่กับปัญหาต่างๆมากมาย นั่นเป็นเพราะว่าพระองค์ทรงประสงค์เช่นนั้น

ขอให้คุณจำไว้ว่า หากอัลลอฮฺทรงทำให้คุณอยู่ในสถานการณ์ที่คุณเรียกมันว่า “ความวุ่นวาย” แต่ ณ ที่อัลลอฮฺ มันไม่ใช่ “ความวุ่นวาย” พระองค์ทรงต้องการให้คุณเผชิญกับมันอย่างมีเหตุผล

พระองค์ทรงต้องการให้คุณร้องขอจากพระองค์ ขอดูอาอฺจากพระองค์ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อทำการละหมาดต่อพระองค์ นั่นคือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่คุณจะเคยมีกับอัลลอฮฺ ในยามที่คุณมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ พระองค์ยังทรงเปิดประตูไปสู่ทางออกให้แก่คุณ

เรียบเรียงจากบรรยายของมุฟตี เมงก์ หัวข้อ Jumping the gun/โดยบินติ อัลอิสลาม

รูปจากอินเตอร์เนต

image

Read Full Post »

หากใครเคยดูคลิปชายผิวคล้ำกลางทะเลทรายคนหนึ่งที่ไม่ยอมขายแกะให้กับชายสองคนที่เสนอเงินจำนวนมากมายให้เขา ด้วยเพราะความยำเกรงที่เขามีต่ออัลลอฮฺ อยากให้อ่านบทความนี้ที่สรุปมาจากบรรยายของมุฟตี อิสมาอีล เมงกฺ.. เรื่องราวดังกล่าว ไม่จบแค่นั้น ยังมีตอนต่อไป.. ขอเสนอเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง สำหรับคนที่ไม่เคยดูคลิปวิดีโอดังกล่าว

มุฟตี เมงก์เล่าว่า ท่านได้ดูคลิปวิดีโอ ซึ่งมีชายชาวซูดานคนหนึ่ง สวมผ้าพันศีรษะ เขาใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลทรายที่แสนร้อนระอุในประเทศซาอุดิอารเบีย

จากนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งต้องการทดสอบเขา ซึ่งจะด้วยจุดประสงค์ใดก็ตามแต่ อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง

ชายชาวซูดานคนนี้ทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงดูแลแกะจำนวนหลายตัวกลางทะเลทราย และชายสองคนนี้ได้ขับรถเข้าไปหาชายชาวซูดานคนดังกล่าว และทักทายเขา จากนั้นก็บอกเขาว่า พวกเขาต้องการแกะ 1 ตัว ซึ่งคนเลี้ยงแกะชาวซูดานได้ปฏิเสธไปว่า เขาไม่สามารถให้แกะแก่พวกเขาได้ เพราะแกะเหล่านั้นไม่ใช่ของเขา และเขาก็ไม่ใช่เจ้าของมัน

ชายสองคนจึงให้เงื่อนไขกับเขาว่า “แล้วถ้าพวกเขาจ่ายเงินเพื่อซื้อแกะตัวนี้ล่ะ?” คนเลี้ยงแกะได้ปฏิเสธข้อเสนอ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่ได้ แม้ว่าพวกคุณจะให้เงินผม เพราะเมื่อผมไปอยู่ในหลุมฝังศพของผม ผมต้องตอบคำถามนี้” แต่ชายสองคนยังคงพยายามต่อไปโดยแนะให้เขาบอกเจ้าของว่าแกะหายไป และเขาได้ตอบกลับไปว่า “มันไม่มีข้ออ้างที่ว่า แกะหายไปในหลุมฝังศพหรอก ผมห่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหลุมฝังศพของผม เพราะมันจะมีการคิดบัญชีที่นั้น และมันเป็นการคิดบัญชีที่รุนแรง”

ชายสองคนที่ขับรถ GMC คันใหญ่แสนหรูหรา ยังคงไม่ลดละความพยายาม คนเลี้ยงแกะชาวซูดานบอกพวกเขาว่า “คุณเห็นท้องฟ้า และผืนแผ่นดินนั้นไหม มันต้องประกบเข้าหากันก่อน ผมถึงจะให้คุณได้” (ความหมายคือ มันเป็นไปไม่ได้)

ท้ายที่สุดชายสองคนจึงเสนอเงิน 200,000 ริยาล (ประมาณ 50,000 ดอลล่าห์) ให้แก่ชายชาวซูดานเพื่อซื้อแกะหนึ่งตัวที่เขาเลี้ยงมัน และบอกเขาว่า “ไม่มีใครเห็นหรอก” ช่วงเวลานี้เองที่ชายชาวซูดานชักสีหน้าแสดงความโกรธขึ้นมา และตอบว่า “ไม่มีใครเห็นหรือ! อัลลอฮฺทรงกำลังมองดูผมอยู่ คุณไม่รู้จักอัลลอฮฺหรือไง”

ดูความซื่อสัตย์ของคนเลี้ยงแกะชาวซูดานคนนี้สิ เงินเดือนของเขาน่าจะประมาณ 200 ดอลล่าห์ต่อเดือน และเขาได้รับข้อเสนอให้ขายแกะ 1 ตัวที่ไม่ใช่ของเขาถึง 200,000 ริยาล บางคนคงรับข้อเสนอนี้และขายไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

แต่คุณไม่รู้หรอกว่าแผนการของอัลลอฮฺเป็นเช่นไร

จากนั้น มีสตรีท่านหนึ่งได้ดูคลิปวิดีโอนี้ และเธอตัดสินใจที่จะตามหาชายชาวซูดานคนนี้ที่สถานทูตซูดาน พวกเขาใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการตามหาตัวและขอให้เขามายังสถานทูต และสตรีท่านนั้นได้มอบเงินจำนวน 200,000 ริยาลเป็นของขวัญให้แก่เขาสำหรับความซื่อสัตย์ของเขา อันเป็นบทเรียนแก่มุสลิมทั่วโลก… และเมื่อชายชาวซูดานได้รับเงิน เขาก็พูดขึ้นมาว่า “นี่เป็นเพราะอัลลอฮฺ” 

มันได้มีการบันทึกไว้แล้วว่า เงินจำนวน 200,000 ริยาลเป็นของเขา ซึ่งเขาสามารถได้เงินนี้มาด้วยการฉ้อฉล ด้วยความหลอกลวง แต่เขาได้เงินนี้มาด้วยเพราะความซื่อสัตย์ของเขา เขายับยั้งตัวเองจากหนทางที่หะรอม ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงทรงเปิดประตูแห่งความหะลาลให้แก่เขา

นั่นเป็นเพราะความยำเกรงของเขา เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นการกระทำของเขาจากอัลลอฮฺได้

หากคุณยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ทุกอย่างก็จะดำเนินไปด้วยดี

อัลลอฮฺตรัสว่า “จงยำเกรงอัลลอฮฺ”

ความตักวา (ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ) นี้ มาพร้อมกับ การตะวักกุล (การมอบหมาย ไว้วางใจในอัลลอฮฺ) ดังนั้นหากคุณไม่มี “ตะวักกุล” คุณก็ไม่มี “ตักวา”

ปัจจัยยังชีพของแต่ละคนนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว อัลลอฮฺจะประทานให้คุณแน่นอน แต่มันขึ้นอยู่กับว่าทางเลือกของคุณจะอยู่ในหนทางที่หะลาล หรือ หะรอม

สรุปเรียบเรียงจากบางส่วนของบรรยายมุฟตี อิสมาอีล เมงก์ หัวข้อ Jumping the gun/โดย บินติ อัลอิสลาม

image

รูป จาก อินเตอร์เนต

Read Full Post »

image

“แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้เป็นภาคีกับพระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคี ขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล” (ซูเราะฮฺ อันนิซาอฺ 04:116) คัดลอกจากโปรแกรมอัลกุรอาน

ที่สุดของบาปใหญ่ (ซูเราะฮฺอันนิซาอฺ 04:116)
~~~~~~~~~~~~
เขียนโดย อบู มุอาวิยะฮฺ อิสมาอีล กัมดัรฺ
แปล บินติ อัลอิสลาม

“แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้เป็นภาคีกับพระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคี ขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล” (ซูเราะฮฺ อันนิซาอฺ  04:116) คัดลอกจากโปรแกรมอัลกุรอาน

อายะฮฺนี้มักจะถูกเข้าใจผิดและถูกมองข้าม และด้วยเพราะมีความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับอายะฮฺนี้ คำอธิบายตัฟซีรฺของอายะฮฺนี้จึงจะมีความยาวกว่าปกติ

อายะฮฺนี้ยืนยันว่า “บาปที่ใหญ่ที่สุด ณ ที่อัลลอฮฺ คือ การทำชิริก” และสิ่งใดก็ตามที่เล็กน้อยกว่า การชิริกนั้นจะได้รับการอภัย โทษจากอัลลอฮฺ ซึ่งความเข้าใจผิดประการแรกเกี่ยวกับอายะฮฺนี้คือ ผู้คนมักจะเข้าใจบริบทของอายะฮฺนี้ผิดๆ ในบริบทของอายะฮฺนี้ มีความหมายว่า “อัลลอฮฺจะมิทรงอภัยโทษต่อ ‘การทำชิริก’ หากว่าบุคคลหนึ่งนั้นเสียชีวิตลงโดยไม่ได้ทำการสำนึกผิด ขออภัยโทษต่อพระองค์ (เตาบัตตัว) จากการกระทำดังกล่าว หากทว่าพระองค์จะทรงอภัยโทษให้กับบาปอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ หากว่าบุคคลหนึ่งเสียชีวิตลงโดยไม่ได้ทำการสำนึกผิด หรือขออภัยโทษต่อพระองค์”

อายะฮฺนี้กล่าวถึง “บาปทั้งหลายที่ถูกกระทำ โดยไม่ได้มีการเตาบัต” และนี่มักจะถูกเข้าใจผิดโดยคนบางกลุ่มอยู่เป็นประจำ มากกว่าหนึ่งครั้งที่ผม (อบูมุอาวิยะฮฺ) ได้รับคำถามจากพี่น้องที่เพิ่งเข้ารับอิสลามเกี่ยวกับอายะฮฺนี้ โดยกล่าวว่า ก่อนเข้ารับอิสลาม พวกเขาได้กระทำการชิริก ดังนั้นในอายะฮฺนี้ มีความหมายว่าอัลลอฮฺจะมิทรงอภัยโทษแก่พวกเขาใช่หรือไม่? คำตอบคือ สิ่งที่พวกเขาเข้าใจนั้นไม่ใช่สิ่งที่อายะฮฺนี้ได้แจ้งแก่เรา หากทว่าการเข้ารับอิสลามนั้นได้ลบล้างความผิดที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว เพราะการเข้ารับอิสลามคือรูปแบบของการสำนึกผิด และขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ (เตาบัต) นั่นเอง

ความเข้าใจผิดประการที่สองเกี่ยวกับอายะฮฺนี้คือ หลายคนคิดว่า “การทำชิริก” หมายถึงการเคารพสักการะต่อรูปปั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความหมายโดยนัยของอายะฮฺนี้ยังหมายรวมถึงรูปแบบของการทำชิริกที่ชัดเจนที่บุคคลหนึ่งไม่ได้ทำการเตาบัตจากการกระทำนั้น และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเคารพสักการะต่อรูปปั้นเท่านั้น มันไม่ได้หมายรวมถึงสิ่งที่บุคคลแห่งเตาฮีดทำโดยที่เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคือ “ชิริก” ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจได้รับการอภัยโทษอันเนื่องมาจากความโง่เขลา ดังนั้นการลงโทษจะเกิดขึ้นกับผู้คนที่มีความรู้ แต่ยังคงดื้อดึงที่จะกระทำการชิริก นี่คือเหตุผลที่มุสลิมทุกคนจำต้องเพียรพยายามอย่างมากที่จะศึกษา “เตาฮีด” และศึกษาว่าความเชื่อใด และการกระทำใดที่ถือเป็นการทำชิริก

ความเข้าใจผิดที่สามเกี่ยวกับอายะฮฺนี้คือ บางคนเชื่อว่าอายะฮฺนี้กล่าวถึงบรรดาผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงมุสลิมคนใด ในความเป็นจริงแล้ว อายะฮฺนี้กล่าวถึงผู้ใดก็ตามที่ทำชีริก ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด และเขาก็ได้รับสาห์นแห่งอิสลามแล้ว ซึ่งรวมถึงผู้ที่กล่าวว่าเขาเป็นมุสลิม แต่ยังคงมีความเชื่อในเรื่องของชิริกและดื้อดึงในการทำชิริก และไม่ได้หมายรวมถึงผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมที่เสียชีวิตลงโดยที่เขาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับสัจธรรมแห่งอิสลามเลย “ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเช่นนี้” จะได้รับการทดสอบจากอัลลอฮฺในวันแห่งการตั่ดสิน เช่นที่มีการแจ้งไว้ในหนังสือตัฟซีรฺหลายเล่ม ด้วยเพราะอัลลอฮฺคือผู้ทรงยุติธรรมยิ่งและพระองค์จะมิทรงลงโทษผู้คนในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้

ความเข้าใจผิดที่สี่เกี่ยวกับอายะฮฺนี้ คือ มุสลิมบางคนคิดว่า ด้วยเพราะการทำชิริกคือบาปที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นมันจึงให้สิทธิแก่พวกเขาในการที่จะปฏิบัติต่อผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมอย่างอธรรม และเลวร้าย ความเชื่อเช่นนี้ขัดแย้งกับคำสอนของอิสลามอย่างชัดเจน เพราะนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้เรียกร้องผู้คนสู่อิสลามด้วยความอ่อนโยนและความเมตตา นี้คือวิธีการเข้าผู้คนของท่าน ไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม และ “ความผิดบาปของผู้คน” ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาไม่ควรได้รับสิทธิในการที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเมตตาและความยุติธรรมจากเราแต่อย่างใด

เรื่องสุดท้ายที่จำต้องมีการกล่าวถึงเกี่ยวกับอายะฮฺนี้ คือ “ความสงสัย ที่เกิดขึ้นในความคิดของเยาวชนหลายคน”  การเติบโตขึ้นมาในสิ่งแวดล้อมแบบเชคิวลาร์ (มุ่งเน้นเรื่องทางโลก) มุสลิมบางคนจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไม “การทำชิริก” จึงเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า การข่มขืน การฆ่า การขโมย และอาชญากรรมอื่นๆ  “ความคิดมากมายของมนุษย์ ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้มุสลิมหลายคนให้ความสำคัญต่อ “การทำชีริก” ลดลง และมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด ซึ่ง “ปัญหานี้” เกิดจากมุมมองหรือทัศนคติของเรานี่เอง ความคิดมุมมองแบบสมัยใหม่ คือ (เชื่อว่า) มนุษย์ คือสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญที่สุดในการมีอยู่ และการละเมิดสิทธิมนุษย์ถือเป็นอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุด

แน่นอนว่า การละเมิดสิทธิใดๆ ก็ตามต่อสิ่งถูกสร้างของอัลลอฮฺ ถือเป็นบาป และเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม แต่ทว่า “การทำชีริก” ถือเป็นการละเมิดที่หนักหนากว่าสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด เพราะ “ชีริก” คือ การละเมิดสิทธิของพระผู้ทรงสร้าง นั่นคืออัลลอฮฺ และในฐานะ ‘มุสลิม’ เราจำต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดของเราและน้อมรับว่าอัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ ดังนั้นการละเมิดสิทธิของอัลลอฮฺจึงรุนแรงยิ่งกว่าการละเมิดสิทธิของมนุษย์ แม้ว่าการกระทำทั้งสองรูปแบบจะผิดเหมือนกันก็ตาม ซึ่งในทางการเมือง นี่อาจจะไม่ถูกต้องนักที่จะกล่าวเช่นนี้ในโลกแห่งยุคสมัยใหม่ เพราะผู้คนต่างกำลังยัดเยียดความคิดที่ว่าทุกศาสนาเท่าเทียมกัน แต่นี่คือความจริงที่ได้รับการยืนยันโดยอัลลอฮฺ และเป็นสิ่งที่มุสลิมจำต้องเชื่อ

คุณธรรมที่แท้จริงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่เราประเมินคุณค่าของเตาฮีดต่ำ และมองว่าการทำชีริกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ “เตาฮีด คือรากฐานแห่งอิสลาม และคุณธรรมเริ่มต้นจากการเติมเต็มสิทธิของอัลลอฮฺและเรียกร้องผู้อื่นให้กระทำสิ่งเดียวกัน”

แน่นอนว่า การเติมเต็มสิทธิของมนุษย์คือส่วนหนึ่งของคุณธรรม ความดีงาม หากทว่าสิทธิของอัลลอฮฺ ที่รวมถึงเตาฮีดและเศาะลาฮฺ (ละหมาด) ควรเป็นสิ่งแรกที่เราให้ความสำคัญ

Read Full Post »

Older Posts »