Feeds:
Posts
Comments

Archive for the ‘คุณค่าของเวลา’ Category

ทำอิบาดะฮฺในรูปแบบที่คุณชอบ-

แต่ละคนมีความแตกต่างกัน และมีความสุขกับการทำงาน ทำกิจกรรม ทำอิบาดะฮฺในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบใช้เวลาไปกับการอ่านอัลกุรอาน บางคนชอบทำเศาะดะเกาะฮฺ บางคนชอบการดะอฺวะฮฺ บางคนชอบแสวงหาความรู้ บางคนชอบใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ และคอยปรนนิบัติรับใช้พวกท่านเป็นอย่างดี ดังนั้นแทนที่จะมานั่งขัดแย้งกับตัวเอง เรามาใช้เวลาทำในสิ่งที่เราชอบน่าจะดีกว่า (หมายถึง การทำอิบาดะฮฺอื่น ที่นอกเหนือจากสิ่งที่เป็นฟัรฺฎู)

ศาสนานี้เป็นศาสนาที่มีความงดงาม เป้าหมายของศาสนานี้ไม่ใช่การต้องทำในทุกสิ่งทั้งหมด เป้าหมายของศาสนานี้คือ “การพัฒนาตัวเองให้เป็นมุสลิมที่ดีกว่าเดิม” ดังนั้นเราควรทำในสิ่งที่เรารักและมีความสุขที่จะทำ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะมีผลต่อการพัฒนาของเราได้เป็นอย่างดี

เช่นเรื่องราวของท่านอิบนุ มัสอูด ท่านมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นผู้มีความรู้เรื่องอัลกุรอานเป็นอย่างดี ท่านเปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญด้านอัลกุรอาน มีบางคนเคยถามท่านว่า เหตุใดท่านจึงไม่ถือศีลอดนะฟีล (สมัครใจ) และท่านตอบว่าท่านไม่ได้ถือศีลอดนะฟีล เพราะมันมีผลต่อการอ่านอัลกุรอานของท่าน ซึ่งการอ่านอัลกุรอานเป็นสิ่งที่ท่านรัก

บทเรียนที่ได้จากเรื่องราวนี้คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำทุกๆ การอิบาดะฮฺเกินความสามารถของตนได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก่งหรือดีเลิศในทุกเรื่อง ดังนั้นขอให้เลือกทำในสิ่งที่คุณถนัด เพราะมันจะมีผลต่อการทำอิบาดะฮฺประเภทอื่นด้วย

เรียบเรียงบางส่วนจากบทความของ Saira Siddiqui/โดย บินติ อัลอิสลาม

Read Full Post »

การใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ถือเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง บางครั้ง บางคนหมดเงินไปกับการซื้อบุหรี่ บางคนหมดเงินไปกับการซื้อกระเป๋าถือ หรือเครื่องสำอางค์ หรือแว่นตากันแดด หรือเสื้อผ้ามากมาย อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถที่จะซื้อของดีๆ ใช้ได้เลย แน่นอนว่า คุณซื้อได้ หากคุณมีความสามารถ คุณสามารถมีความสุขกับการซื้อของที่คุณชอบได้ แต่ได้โปรดอย่าใช้จ่ายเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ บางคนซื้อเสื้อผ้าใหม่เป็นเซตในทุกๆ โอกาส ซึ่งนั่นไม่ใช่การใช้จ่ายในแบบอิสลาม คุณควรเห็นคุณค่าของทรัพย์สินที่อัลลอฮฺทรงประทานให้คุณ

อีกทั้งบางคนก็มีนิสัยที่ไม่ชอบแสดงความขอบคุณต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้ อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่เรามากมาย คุณควรคิดใคร่ครวญให้ดี ไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก ความสงบสุข ความดีงาม ความศรัทธาของเรา พวกเราเคยขอบคุณอัลลอฮฺในสิ่งเหล่านี้บ้างไหม ซึ่งไม่ใช่การขอบคุณเพียงแค่การกล่าวอัลฮัมดุลิลลาฮด้วยปากเท่านั้น เพราะบางคนก็เพียงแค่กล่าวอัลฮัมดุลิลลาฮให้พอเป็นพิธี แต่เขาไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำคำนี้

เราควรคิดใคร่ครวญให้ดีว่าอัลลอฮฺทรงประทานสิ่งใดให้แก่เราบ้าง แล้วขอบคุณพระองค์ด้วยวาจา และหลังจากนั้นก็ขอบคุณพระองค์ผ่านการกระทำ

รู้ไหมว่า การขอบคุณอัลลอฮฺผ่านการกระทำเป็นเช่นไร
หากเรากล่าวอัลฮัมดุลิลลาเป็นพันครั้งต่อวัน แต่กลับไม่ละหมาดฟัจญรฺ เช่นนี้เรียกว่าเป็นการขอบคุณ หรือสำนึกในบุญคุณของอัลลอฮฺหรือไม่? หากเรากล่าวอัลฮัมดุลิลลา วะชุกริลลา เป็นพันครั้งต่อวัน แต่เรากลับโกหก คดโกง ทำร้ายผู้อื่น เชนนี้ไม่เรียกว่าการขอบคุณ

การแสดงความขอบคุณต่ออัลลอฮฺนั้น คือการปรับปรุงคุณภาพ (ของการเป็นผู้ศรัทธา) ของเราให้ดีขึ้น พัฒนาบุคลิกภาพของเราให้ดียิ่งขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอัลลอฮฺให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทำหน้าที่ของคุณที่มีต่อพระองค์ให้สมบูรณ์

พวกเราหลายคนไม่มีความขอบคุณต่ออัลลอฮฺจริงๆ เช่นในเวลาที่เรามีอาหารเหลือในจาน หรือในหม้อ หลังจากที่ทานเสร็จแล้ว ขอให้เราอย่าได้ทิ้งอาหารเหลือนั้น พยายามทำอะไรสักอย่างกับอาหารที่เหลือนั้น

อย่างแรกที่เราควรทำก่อนจะทานอาหารคือ เมื่อเราจะตักอาหารใส่จาน ขอให้ตักในปริมาณที่พอดี ไม่ตักมากเกินไปจนเราไม่สามารถทานได้หมด และเวลาที่เราจะไปทานอาหารนอกบ้านตามร้านอาหาร เราควรทานอะไรจากบ้านไปก่อนที่จะไปทานที่ร้าน และสั่งอาหารในปริมาณที่เหมาะสมจะได้ไม่เหลือทิ้ง ทานสิ่งที่อยู่ในจานให้หมด และคุณจะได้รับความบะเราะกัตอย่างมากมาย คุณจะได้รับการอำนวยพรมากมายจากพระองค์

ปัญหาหนึ่งที่พวกเรามีคือ เราไม่เคยตระหนักว่าอัลลอฮฺทรงสามารถยึดสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรากลับคืนไปเมื่อใดก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่หากว่าเราซาบซึ้งขอบคุณต่อของขวัญที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่เรา อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนให้แก่เรามากขึ้นไปอีก

“หากพวกเจ้าขอบคุณ เราเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า” อิบรอฮีม 14:7

หนึ่งในสัญญาณแห่งการขอบคุณต่ออัลลอฮฺคือการไม่ใช้ ไม่จ่าย ไม่บริโภคสิ่งใดไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะนี่คืออุปนิสัยที่ผู้ศรัทธาไม่ควรมี

และหากกล่าวถึงการแต่งกาย บางครั้งพี่น้องของเราก็แต่งกายไม่เหมาะสม นี่คืออุปนิสัยที่ไม่ดีเช่นกัน พวกเขาเพียงแค่ต้องการที่จะโอ้อวดผู้คน พวกเขาเพียงแค่อยากจะตามให้ทันเทรน แม้ว่าเทรนต่างๆ เหล่านั้นอาจสร้างความโกรธกริ้วต่ออัลลอฮฺ ขอให้เราแก้ไขในจุดนี้ เพื่อความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺให้ได้ ขอให้เราแต่งกายให้เหมาะสมถูกต้องตามหลักการศาสนา

แม้แต่การละหมาดที่ล่าช้า ไม่ตรงเวลา นี่ก็ถือว่าเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน บางคนรอให้ถึงช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดเวลาละหมาด จึงจะทำการละหมาด เช่นนี้เป็นสิ่งที่เราจำต้องปรับปรุงแก้ไข เราควรละหมาดให้ตรงเวลา ในเวลาต้นของมัน

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า พวกเราแต่ละคนย่อมมีพฤติกรรมหรืออุปนิสัยที่ไม่ดีบางอย่าง แตกต่างกันไป แต่ขอให้เราคิดใคร่ครวญให้ดีว่าเรามีข้อเสียใดบ้าง และจัดการกับมันเสีย ขจัดมันออกไปให้หมดสิ้นเพื่ออัลลอฮฺ

ขณะเดียวกัน เราก็ควรขอบคุณอัลลอฮฺให้มากที่พระองค์ทรงปกปิดข้อเสีย พฤติกรรมที่เลวร้ายของเราไว้ไม่ให้ใครรับรู้ ดังนั้นเราจึงควรปรับปรุงแก้ไขขจัดข้อเสียเหล่านั้นออกไปจากชีวิต ก่อนที่พระองค์จะทรงเปิดเผยมันให้คนอื่นรับรู้

อัลลอฮฺตรัสว่า
“อย่าโยนตัวของพวกเจ้าสู่ความพินาศด้วยมือของพวกเจ้าเอง” อัลบะเกาะเราะฮฺ 195

“อย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ” อันนิซาอฺ 29

ขออัลลอฮฺโปรดทรงช่วยเหลือเราในการที่จะจัดการกับอุปนิสัยไม่ดีต่างๆ ของเรา อามีน
—————-
สรุปเรียบเรียงบางส่วนจากบรรยายของมุฟตีอิสมาอีล เมงกฺ หัวข้อ Bad habits/โดย บินติ อัลอิสลาม

รูปจาก internet

image

Read Full Post »

อย่าปล่อยให้มารร้ายล่อลวงคุณจากการทำดี
แม้ว่ามันจะเป็นความดีเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
จงทำมันทุกวันเป็นประจำ แล้วคุณจะพบว่า
ความสำเร็จที่คุณได้มานั้นยิ่งใหญ่

มุฟตีเมงก์ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของคุณลุงคนหนึ่งที่อยู่ในชุมชนของท่านว่า เมื่อสองปีก่อน คุณลุงท่านนี้ได้เริ่มอ่านอัลกุรอาน 1 หน้าต่อวันในตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไปทำงาน เพราะคุณลุงนึกถึงหะดีษบทหนึ่งของนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่มุฟตีเมงก์ได้เคยอ้างอิงไว้ คือ “การงานที่ดีที่สุด คือการงานที่ทำเป็นประจำ แม้ว่ามันจะเล็กน้อยก็ตาม” และข่าวดีก็คือตอนนี้คุณลุงได้อ่านอัลกุรอานจบเล่มแล้ว และกำลังเริ่มอ่านใหม่อีกครั้ง

คุณลุงใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี ในการอ่านอัลกุรอานจนจบเล่ม และเมื่อเริ่มอ่านอีกครั้ง คุณลุงรู้สึกได้ถึงความสุข และเหมือนว่าท่านได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากการอ่านอัลกุรอานรอบใหม่นี้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าคุณลุงได้ยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้นนั่นเอง

สิ่งสำคัญคือ อย่าคิดว่าความรู้ที่ตัวเองมีนั้นเพียงพอแล้ว เพราะในความเป็นจริง เรายังมีพื้นที่ที่คงเหลือมากมายในการที่จะปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในแต่ละวัน

เรียบเรียงจากการบรรยายบางส่วนของมุฟตี อิสมาอีล เมงก์ หัวข้อ Jumping the gun/โดย บินติ อัลอิสลาม

Read Full Post »

ในอายะฮฺที่ ๔-๕ ซูเราะฮฺอัล มาอูน “ดังนั้นความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้ทำละหมาด ผู้ที่ละเลยต่อการละหมาดของพวกเขา”

ตามการรายงานของท่านอิบนุ อับบาส และท่านอื่นๆ ได้กล่าวว่า อายะฮฺนี้ได้กล่าวถึง “บรรดาผู้กลับกลอก” ที่ละหมาดในที่แจ้ง (สาธารณะ) แต่ไม่ละหมาดในที่ลับ (ส่วนตัว) และด้วยเหตุผลนี้เอง อัลลอฮฺจึงตรัสว่า “แด่บรรดาผู้ทำละหมาด” คือผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้ทำการละหมาด และเขายึดมั่นในการละหมาดของเขาในตอนเริ่มแรก และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มละเลยการละหมาดบางเวลา หรือทั้งหมด และท่านอิบนุ อับบาสไ้ดกล่าวว่า “หรือพวกเขาเริ่มที่จะไม่ให้ความสำคัญต่อการละหมาดให้ตรงเวลา จนกระทั่งพวกเขาละหมาดนอกเวลาที่กำหนด” นี่คือคำอธิบายของมัสรูก และอบู อัฎฎูฮา

ผู้ที่ละหมาดเพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าเขาละหมาด โดยไม่ได้หวังในความพึงพอพระทัยของอัลลอฮ ก็เปรียบเสมือนกับผู้ที่ไม่ได้ละหมาดเลย

เรียบเรียงและคัดบางส่วนจาก ตัฟซีรฺ อิบนุ กะษีรฺ ญุซอัมมา
แปลเรียบเรียง บินติ อัลอิสลาม

Read Full Post »

“จดหมายจากอิหม่ามสุฟยานถึงพี่น้องแห่งอิสลาม”
แหล่งที่มา http://www.ahlalhdeeth.com/vbe/showthread.php?t=10633
ถอดความ บินติ อัลอิสลาม

จากชีวประวัติของอิหม่ามสุฟยาน อัษเษารียฺ โดย ศอลาฮุดดีน อิบนุ อะลี อิบนุ อับดุล เมาญูด  หน้าที่ 181-182

ครั้งหนึ่ง อีหม่ามสุฟยานได้เขียนจดหมายไปยังพี่น้องมุสลิมีนของท่าน โดยมีเนื้อความว่า

“ฉันขอตักเตือนพวกท่านและตัวของฉันเองให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺและฉันขอเตือนท่านมิให้กลับไปสู่ “ความโง่เขลา” หลังจากที่ได้มี “ความรู้” มายังท่านแล้ว จงอย่ากลับไปสู่ “การทำลาย” หลังจากที่ท่านได้เห็นและทราบถึง “สัจธรรม” และจงอย่าละทิ้ง “หนทาง (อันเที่ยงตรง)” หลังจากที่มันได้ถูกทำให้ชัดแจ้งต่อท่านแล้ว

จงอย่าหลงเชื่อผู้คนแห่งดุนยา จงอย่าหลงไหลต่อ “ความทุ่มเทและความพยายามของพวกเขาในการสะสมสิ่งต่างๆ บนโลกนี้” ด้วยความโลภอย่างหน้ามืดตามัว เพราะ “ความน่าสะพรึงกลัว” (ที่จะเกิดขึ้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ) นั้นรุนแรงยิ่งนัก

แท้จริง อันตราย (ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ) นั้นร้ายแรงยิ่ง แต่สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือมันใกล้เข้ามายังพวกเราแล้ว

ดังนั้นท่านจงมุ่งมั่นต่ออาคิเราะฮฺเถิด และจงทำให้หัวใจของท่านปราศจากความคิดอื่นๆ ทั้งหลาย เมื่อท่านทำเช่นนั้นได้แล้ว จงเพียรพยายามอย่างหนัก จงอย่าสูญเสียเวลาอันมีค่า และจงเป็นอิสระจากโลกดุนยานี้และจงเป็นอิสระจากการล่อลวงของมัน จงเดินทางไปยังอาคิเราะฮฺ (ด้วยการอิบาดะฮฺของท่าน) ก่อนที่ท่านจะถูกนำไป ณ ที่นั่น แท้จริงฉันได้ให้คำตักเตือนต่อท่าน เช่นเดียวกับคำตักเตือนที่ฉันได้ให้ต่อตัวของฉันเอง

และพึงตระหนักเถิดว่า “ความสำเร็จ” มาจากอัลลอฮฺ (ซุบฮานะฮู วะตะอาลา) และ “กุญแจ” ที่ไขไปสู่การได้มาซึ่ง “ความช่วยเหลือของพระองค์” คือการวิงวอนขอ (ดุอาอฺ) การละหมาด ความรู้สึกเสียใจต่อความเพิกเฉยในอดีต และการยอมจำนนต่อพระองค์โดยสมบูรณ์

กลางวันและกลางคืนของท่านถูกคำนวณนับ เช่นนั้นจงใช้เวลาที่ท่านมีเหลืออยู่อย่างชาญฉลาด และจงอย่าเพิกเฉยต่อการเติมเต็มสิทธิของพระเจ้าของท่าน

ฉันวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ พระผู้ทรงอำนวยพรเราทั้งหลายให้ได้รู้จัก “พระองค์”  ขอพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้เราและท่านมอบหมาย (การงาน การดำเนินชีวิต) ไว้กับตัวของเราเอง และฉันขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงเป็นผู้ชี้นำและผู้ทรงช่วยเหลือแก่พวกเราทั้งหลาย ดังเช่นที่พระองค์ทรงเป็นผู้ชี้นำและผู้ช่วยเหลือต่อบ่าวผู้ศรัทธาอันเป็นที่รักของพระองค์

พึงระวังการกระทำในสิ่งที่จะทำลายการงานทั้งหลายของท่าน “พึงรู้เถิดว่า “การโอ้อวด” คือสิ่งที่ทำลายการงานที่ดีของบุคคลคนหนึ่ง และหากว่ามันไม่ใช่ “การโอ้อวด” มันก็คือ “ความทะนงตน” สำหรับท่าน ที่เชื่อว่าตัวของท่านดีกว่าพี่น้องมุสลิมของท่าน ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น เขากระทำความดีงามมากกว่าท่าน หรือบางทีเขาอาจออกห่างจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งห้ามมากกว่าท่าน หรือบางทีเขาอาจกระทำความดีงามด้วยความบริสุทธิ์ใจมากกว่าท่านก็เป็นได้ และหากว่าท่านมิได้มี “ความทะนงตน” ก็จงพึงระวังการหลงไหลต่อการสรรเสริญ พึงระวังอย่างมากที่จะไม่ปล่อยให้เกิดความหลงไหลต่อคำชื่นชมสรรเสริญของผู้คนต่อการงานที่ดีทั้งหลายของท่าน หรือหลงไหลต่อ “การเคารพนับถือ” ที่พวกเขารู้สึกและปฏิบัติต่อท่านอันเนื่องมาจากการงานที่ดีทั้งหลายของท่าน และพึงระวังความปรารถนาว่าผู้คนทั้งหลายควรให้ความช่วยเหลือต่อท่านในเรื่องส่วนตัวเพียงเพราะว่าพวกเขาชื่นชมต่อการงานที่ดีของท่าน  แน่นอนว่า ท่านกล่าวอ้าง (เช่นที่ผู้คนกล่าวอ้าง) ว่าท่านกระทำการงานทั้งหลายเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น หากเช่นนั้น จงนำ “การกล่าวอ้าง” นั้นไปสู่การปฏิบัติที่แท้จริงเถิด

หากท่านต้องการที่จะมี “ความปรารถนาต่อสิ่งของ ทรัพย์สิน ความพึงพอใจบนโลกใบนี้” ให้น้อยลง และต้องการที่จะมี “ความปรารถนาต่อสวนสวรรค์ ความสุขอันล้นพ้น ในโลกอาคิเราะหฺ” เช่นนั้นท่านจงรำลึกถึงความตายให้บ่อยครั้งเถิด

และพึงรู้เถิดว่าท่านย่อมมีความหวังอันยาวไกลต่อโลกดุนยานี้ อันเป็นความหวังที่ท่านไม่ควรมี  หากท่านเกรงกลัวอัลลอฮฺเพียงเล็กน้อย และกระทำความผิดอยู่เป็นนิจ

และบุคคลหนึ่งย่อมเศร้าโศกเสียใจและเป็นทุกข์ในวันกิยามะฮฺ หากว่าเขามีความรู้ หากแต่เขามิได้ปฏิบัติมัน” 

Read Full Post »

แปลจากบทความ EASY GOOD DEEDS ~ www.islamation.com

ถอดความ :: بنت الاٍسلام
รูปจาก อินเตอร์เน็ต

1. ระลึกถึงอัลลอฮฺในทุกๆ การกระทำของท่าน ขอดุอาอฺต่อพระองค์ก่อนจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะก่อนนอน ก่อนทานอาหาร ก่อนเริ่มต้นการเรียน ก่อนขับรถ เป็นต้น

2. อ่านอัลกุรอานภาษาอาหรับและศึกษาความหมายทุกวัน ใช้เวลาว่างในการฟังพระดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา

3. ตั้งใจศึกษา ศาสนาอย่างจริงจัง พยายามทำให้การเรียนศาสนาในห้องเรียน การฮาละเกาะฮฺ หรือการพบปะพี่น้องนั้นเต็มไปด้วยความรู้ที่เกิดประโยชน์

4. ประเมินตัวเองทุกๆ วันก่อนเข้านอน ขอบคุณอัลลอฮฺสำหรับทุกๆ ความดีงามที่ท่านได้กระทำ และขออภัยโทษต่อพระองค์กับความผิดพลาดหรือบาปต่างๆ ที่ท่านได้กระทำไปในแต่ละวัน

5. หลีกเลี่ยงการมองดูภาพ หรือสิ่งใดก็ตามที่เป็นสิ่งหะรอม ไม่ว่าจะเป็นภาพจากโทรทัศน์ นิตยสาร หรือที่ใดก็ตาม

6. ศึกษาประวัติ ศาสตร์อิสลาม รวมไปถึงเรื่องราวของบรรดาอุลามะอฺและบรรดานักต่อสู้ที่เสียชีวิตในหนทางของ อัลลอฮฺที่หัวใจของพวกท่านนั้นเต็มไปด้วยอิสลาม และพยายามนำแบบอย่างของพวกท่านเหล่านั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิต

7. ใช้ เวลาว่างไปกับการฟังอัลกุรอานของนักกอรีย์ที่ชอบ

8. ชักชวนกลุ่มเพื่อนที่ไม่ใช่มุสลิม เข้าร่วมงานศาสนา เช่นการไปฟังบรรยาย หรือเข้าร่วมกิจกรรมศาสนาต่างๆ

9. พบปะ พูดคุยกับเพื่อนมุสลิมคนอื่นๆ (เพื่อเป็นการเพิ่มพูนอีหม่านให้ตัวท่าน)

10. พูดคุยกับเพื่อนที่ไม่ใช่มุสลิมเกี่ยวกับอิสลาม ลองถามตัวเองดูว่า ท่านเคยใช้เวลาไปกับการอธิบายหลักการอิสลามเบื้องต้นให้พวกเขาทราบหรือยัง

11. เข้าร่วมกิจกรรม การปราศรัย หรือค่ายที่จัดโดยมุสลิม ปีละครั้ง

12. ละหมาดซุนนะฮฺ นะวาฟีล ให้มากเท่าที่ท่านจะทำได้ หาเวลาในการละหมาดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การละหมาดดุฮาอฺ ละหมาดกิยามุลลัย ละหมาดตะฮัดยุด

13. เป็นสมาชิกนิตยสารมุสลิม (ที่มีประโยชน์และน่าเชื่อถือ)

14. ซื้อสินค้าอิสลาม (สินค้าที่ผลิตโดยมุสลิม) แทนการซื้อสินค้าของแบรนด์ทอมมี่ ฮิล เควิน ไคลน์ ไนกี้ หรืออดิแด็ซ เป็นต้น

15. ศึกษาและติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับโลกมุสลิมในปัจจุบัน พยายามมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือ โดยท่านอาจจะให้การสนับสนุนบริจาคเงิน สิ่งของให้กับองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมที่ประสบปัญหาต่างๆ

16. ถือศีลอดทุกๆ วัน จันทร์และพฤหัสบดี

17. ลดสายตาลงต่ำ (มีความนอบน้อม)

18. อ่านอัลกรุอานหลังการละหมาดฟัรดู

19. เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อที่ท่านจะได้ตื่นขึ้นมาละหมาดฟัรดูในช่วงต้นเวลาได้

20. พยายามให้ตัวของท่านนั้นมีน้ำละหมาดอยู่ตลอดเวลา

21. เมื่อมีการบรรยายศาสนา ให้ตั้งใจฟัง และนำคำสอนคำตักเตือนเหล่านั้นมาปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยมีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น

22. หาเวลากับตัวเองบ้าง เพื่อที่ท่านจะได้ใช้เวลานั้นในการใคร่ครวญถึงการดำเนินชีวิตของท่าน การงานต่างๆ ของท่านที่ผ่านมา และเพื่อทำการซิเกรฺ ระลึกถึงอัลลอฮฺ

23. ทำเศาะดาเกาะฮฺทุกวัน ให้เป็น “นิสัย” เหมือนการกิน การดึ่ม ในทุกๆ วันของท่าน และไม่สำคัญว่าการทำเศาะดาเกาะฮฺของท่านนั้นจะมากหรือน้อย

24. ใช้เวลาอยู่กับกลุ่มคนที่มีความรู้ เช่น ฮาฟิซ กอรีย์ หรือบรรดาอุลามะอฺ แน่นอนว่าท่านต้องได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากคนเหล่านั้น

25. ศึกษาวิธีการดะวะฮฺให้กับคนที่ไม่ใช่มุสลิม การดะวะฮฺนั้นถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความรู้และความชำนาญถึงจะทำ หน้าที่นี้ได้

26. ดูโทรทัศน์ให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้

27. ไปมัสญิด (เพื่อทำการละหมาด พบปะพี่น้องมุสลิม)

28. อย่าพร่ำบ่นหรือวิจารณ์หากท่านไม่ชอบในสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง หากแต่ทำในส่วนของท่านให้ดีที่สุดเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นๆ ไปในทางที่ดี

29. ยืนหยัดในสิ่งที่ดีงาม และสิ่งที่ถูกต้อง ละทิ้งสิ่งชั่วร้าย และปฏิเสธการฆีบะ (การนินทา)

30. หลีกเลี่ยงการกิน ดื่มที่มากจนเกินพอดี อย่ากินหรือดึ่มจนกว่าท่านจะรู้สึกหิวจริงๆ และพยายามอย่าทำให้กระเพาะของท่านนั้นเต็ม

31. หากท่านเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ดนตรี ให้ท่านเปลี่ยนมาฟังนะซีด (ที่ไม่มีเครื่องดนตรีเป็นเสียงประกอบ) หรืออัลกุรอาน

32. ให้การสนับสนุนพี่น้องมุสลิมของท่าน โดยการซื้อวีซีดี ดีวีดี เทป โปสเตอร์ หนังสือที่เกี่ยวกับอิสลาม รวมไปถึงเสื้อผ้าของมุสลิม ท่านจำต้องทำให้ “อิสลาม” นั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆกฎเกณฑ์ในการ ดำเนินชีวิตของท่าน

33. หากท่านได้พบปะพี่น้องมุสลิมใหม่ ท่านก็ควรจะทำความรู้จักกับพวกเขาและทำให้พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งกับท่าน เป็นพี่น้องของท่าน

34. เลิกการตั้งแก๊ง การแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือคบเพียงแค่เฉพาะกลุ่มคนของตน

35. ท่านควรมีหนังสือเกี่ยวกับอิสลาม หรืออัลกุรอานแปลไทยไว้ที่บ้านของท่านมากกว่า 1 เล่ม เพราะท่านไม่อาจรู้ได้ วันหนึ่งอาจจะมีใครสักคนที่สนใจอยากศึกษาเกี่ยวกับอิสลาม เพื่อที่ว่าท่านจะสามารถแบ่งปันหนังสือที่มีอยู่ให้เขาได้

Read Full Post »

พ่อแม่คือผู้ที่ช่วยชีวิตของคุณไว้  (บทเรียนจากเรื่องราวของชายสามคนที่ติดอยู่ในถ้ำ)
****************************************************

??????????

แปล เรียบเรียง จากข้อความของ ดร ฮิชาม อัลอะวาดียฺ
แปลโดย บินติ อัล อิสลาม

ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร รายงานว่า นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวไว้ว่า

“มีชายสามคนก่อนหน้าพวกท่าน (อยู่ในยุคก่อนหน้าบรรดาเศาะฮาบะฮฺ) ได้อยู่ระหว่างการเดินทาง ครั้งนั้นพวกเขาต้องเผชิญกับลมพายุ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปหลบพักในถ้ำ จากนั้นก้อนหินได้ไหลตกลงมาจากเขาและปิดทางออกของถ้ำนั้นไว้

หนึ่งในพวกเขากล่าวว่า “หนทางเดียวที่จะทำให้เราออกจากสถานที่แห่งนี้ไปได้ คือการวิงวอนขอความช่วยเหลือของอัลลอฮฺด้วยการอ้างถึงความดีที่เราเคยได้ทำไว้

ดังนั้นหนึ่งในพวกเขาจึงวิงวอนว่า

“โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉัน บิดามารดาของฉันนั้นแก่ชรามาก และฉันเคยเอานมไปให้พวกท่านดื่มทุกๆ ค่ำคืน ก่อนที่จะให้ลูกๆ และสมาชิกคนอื่นในครอบครัวของฉันได้ดื่ม และมีวันหนึ่งที่ฉันได้ออกไปค้นหาต้นไม้สีเขียวจนหลงทาง และกลับมาถึงบ้านหลังจากที่บิดามารดาของฉันได้หลับไปแล้ว เมื่อฉันไปคั้นนมวัวและนำน้ำนมมาให้ท่านทั้งสองดื่มยามกลางคืน พวกเขาก็ได้นอนหลับไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากจะรบกวนท่าน หรือนำเอาน้ำนมไปให้ลูกๆ ของฉัน หรือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวของฉันก่อนที่ท่านทั้งสองจะได้ดื่ม ดังนั้นฉันจึงถือเหยือกนมไว้ในมือของฉัน และรอคอยให้ท่านทั้งสองตื่นจนใกล้รุ่งอรุณ ในขณะที่ลูกๆ ของฉันต่างพากันร้องไห้ด้วยความหิวที่เท้าของฉัน เมื่อบิดามารดาของฉันตื่นขึ้น พวกท่านจึงได้ดื่มนม (ที่ฉันเตรียมไว้) โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของฉัน หากว่าฉันได้ทำสิ่งนี้ด้วยเพราะหวังความพึงพอใจของพระองค์ เช่นนั้นขอพระองค์โปรดบรรเทาความโศกเศร้าของพวกเราด้วยหินก้อนนี้ด้วยเถิด”

ดังนั้น หินก้อนนั้นก็ได้เคลื่อนออกไปจากปากถ้ำเล็กน้อย แต่ไม่มากพอที่จะให้เขาทั้งสามคนรอดผ่านออกไปได้

และจากนั้นชายคนที่สอง และคนที่สามก็ได้วิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยการกล่าวอ้างถึงความดีที่เขาได้เคยทำไว้ จนกระทั่งก้อนหินได้เคลื่อนออกไปจากปากถ้ำ จนเขาทั้งสามสามารถออกไปจากถ้ำได้ ด้วยความปลอดภัย (เรื่องเต็มนั้นยาวกว่านี้ แต่ผู้แปลได้สรุปเรื่องราว)

จากเรื่องราวข้างต้น หนึ่งในบรรดาชายสามคนที่ติดอยู่ในถ้ ได้วิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ โดยได้กล่าวถึงความดีงามที่เขาเคยได้ทำครั้งหนึ่งกับบิดามารดาของเขา

ข้อคิดจากเรื่องนี้
1. เรื่องราวดังกล่าวไม่ได้มีการบอกเล่าถึงเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับพ่อแม่ของชายผู้นี้ ว่าพ่อแม่ของเขาเลี้ยงดูเขาอย่างดีหรือไม่ ไม่แม้แต่จะบอกให้ทราบว่าพ่อแม่ของเขาเป็นมุสลิมหรือไม่ นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่ได้..ทำดีกับพ่อแม่ของคุณ เพราะพวกเขาทำดีกับคุณ แต่การที่คุณปฏิบัติดีกับท่านทั้งสอง เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณควรต้องทำ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

2. การรอคอยพ่อแม่ของเขาจนกระทั่งท่านทั้งสองตื่นขึ้น คือหนทางของการใช้เวลาที่มีคุณภาพของผู้เป็นบุตรต่อผู้เป็นบิดามารดา แม้ว่าในขณะที่ท่านทั้งสองยังคงหลับใหลอยู่ก็ตาม คุณลองคิดดูสิว่า ชายผู้นี้จะให้ความใส่ใจต่อพ่อแม่ของเขามากเพียงใด ในขณะที่พ่อแม่ของเขาตื่น (เพราะขณะที่พ่อแม่ของเขาหลับ เขาก็ยังห่วงใยท่านทั้งสอง)

บรรดาลูกสาว และลูกสาวทั้งหลาย ที่ใช้เวลาของพวกเขาอยู่หน้าจอ (โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ มือถือ เป็นต้น) ควรเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่า ของการใช้ที่มีคุณภาพกับพ่อและแม่ของพวกเขาจากเรื่องราวของชายผู้นี้

3. ลูกๆ ของเขาต่างร้องไห้อันเนื่องมาจากความหิวกระหาย ขณะที่พ่อแม่ของเขากำลังนอนหลับใหลอยู่และอาจจะไม่รู้สึกกระหายเลยก็ได้ แต่กระนั้นลูกชายก็ยังให้ความใส่ใจต่อความต้องการของบิดามารดามากยิ่งกว่า ปัจจุบันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ผู้เป็นพ่อให้ความใส่ใจต่อความต้องการของลูกมากยิ่งกว่า แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความคิดคำนึงหรือเป็นสิ่งที่ไม่มีความสำคัญนักก็ตาม ในขณะที่ลูกๆ ต่างเพิกเฉยต่อความต้องการของพ่อแม่ แม้ว่ามันเป็นความต้องการที่แท้จริง หรือพ่อแม่ได้บอกให้เขารับรู้ก็ตาม

ตอนนี้คุณซาบซึ้งมากขึ้นหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องราวของชายผู้นี้ ว่าเหตุใดอัลลอฮฺจึงทรงปกป้องชีวิตชายผู้นี้ไว้ และทำให้หินเคลื่อนไหวได้ .. พ่อแม่ของคุณก็เช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะเสียชีวิตลงไปแล้ว แต่ด้วยหลากหลายหนทาง พวกท่านก็สามารถช่วยชีวิตของคุณไว้ได้เช่นกัน

Read Full Post »

image

Read Full Post »

เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกโศกเศร้า เสียใจ จงอย่าแสวงหา “หนทางที่หะรอม (หนทางที่ชั่วร้าย)” เพื่อที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์ (หรือรู้สึกดีขึ้น) เพราะมันย่อมไม่มีทางที่จะนำมาซึ่งความ “สงบสุข” อย่างที่คุณต้องการ อีกทั้งมันยังอาจสร้างความโกรธกริ้วต่ออัลลอฮฺอีกด้วย

ขอเพียงคุณแบกรับสิ่งต่างๆ ไว้ด้วยความอดทน และวิงวอนขอ (ความช่วยเหลือ) ต่ออัลลอฮฺ

พึงรู้ว่าชีวิตนี้เป็นเพียง “บททดสอบ”

และก่อนที่คุณจะได้รับรู้ถึงมัน มันย่อมเป็นช่วงเวลาี่ที่คุณได้พบกับอัลลอฮฺ (พระผู้เป็นเจ้า)

แท้จริงสำหรับบรรดาผู้ที่ฝ่าฝันความยากลำบากทั้งหลายเพื่ออัลลอฮฺนั้นย่อมได้เห็น และได้รับผลตอบแทนมากมายอันเนื่องมาจากความพากเพียร อุตสาหะของพวกเขา…ในวันแห่งการตัดสิน

แหล่งที่มาเพจ Ideal Muslimah
แปลเรียบเรียง بنت الإسلام

image

Read Full Post »

Do not let the people – your friends & family stop you from worshiping Allaah, obeying His commands & staying away from His prohibitions! Do not forget that:
จงอย่ายอมให้ผู้คน เพื่อนของคุณ ครอบครัวของคุณ หยุดยั้งคุณจากการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ หรือหยุดยั้งคุณจากการเชื่อฟังต่อพระบัญชาของพระองค์ และการออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม จงอย่าลืมว่า 

– You will die alone,
คุณต้องเสียชีวิตเพียงลำพัง
– You will enter your grave alone,
คุณต้องเข้าไปอยู่ในหลุมศพเพียงลำพัง
– You will be questioned alone &
คุณต้องถูกถามคำถาม (จากอัลลอฮฺ) เพียงลำพัง
– You will stand before Allaah alone!
คุณต้องยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์เพียงลำพัง

#Believer’s Path Institute

Read Full Post »

Older Posts »